คุณเชื่อหรือไม่ว่า จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีวัดเยอะที่สุดในประเทศไทย
แล้วช้านจะรอช้าอยู่ทำไม ให้เสียชื่อคนเมืองอุบล
กลับบ้านคราวนี้ช้านก็เลยจัดทริปไหว้พระ 9 วัด (อีกแล้ว)
เค้าบอกกันว่า ไหว้พระทำได้ทุกเวลา ถ้ามีโอกาส
ไม่ต้องกำหนด วันเวลา ไหว้ตอนไหน ที่ไหนก็ได้
ช้านตื่นนอนนอน 8 โมงเช้า จะต้องไปทานข้าวเช้าที่โรงแรมทอแสง ซิตี้ ก่อน
(วันนี้ช้านจะไม่พูดคำหยาบคายนะ)
อาหารที่โรงแรมทอแสง ขึ้นชื่อมานานแล้ว
เพราะเชฟที่นี่คัดกันมาคุณภาพเต็มที่จิงๆ
ทานอะไรดีน๊า ให้พ่อครัวต้มก๋วยจั๊บญวนกระดูกหมู พร้อมไข่ลวก 2 ฟอง
แฮม+ฮอทดอก ด้วย ตบท้ายด้วยนมสด น้ำส้มคั้น และน้ำแร่ 1 แก้วค่ะ
อิ่มมากเลย ....กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เรามาเริ่มวัดแรกของเรากันเถอะที่ “วัดมหาวนาราม" หรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดป่าใหญ่
เป็นวัดเก่าแก่และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวอุบลเชียวนะ ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดป่าใหญ่
คือ พระเจ้าใหญ่อินแปง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะศิลปะแบบลาว เดือนเมษายนของ
ทุกๆปี จะมีการทำบุญตักบาตรเทศน์มหาชาดก และสรงน้ำปิดทองพระเจ้าใหญ่อินแปง
วันนี้ช้านเสี่ยงเซียมซีด้วย ได้เลขหมายเลข 1 ความหมายดีด้วย
ก็เลยเก็บไว้พกในกระเป๋าจะได้เฮงๆ
วัดที่สอง..วัดทุ่งศรีเมือง....
พระอุโบสถ หรือหอพระพุทธบาท เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน ระหว่างศาสนาคารอีสานพื้นบ้านกับเมืองหลวง ส่วนหอไตรกลางน้ำที่เห็น เป็นที่เก็บหนังสือใบลานประเภทต่างๆ ไม่เฉพาะหนังสือธรรมะเท่านั้น หากยังมีหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์ และตำนานของบ้านเมืองเอาไว้อีกด้วย ซึ่งหนังสือเหล่านี้เป็นแหล่งค้นคว้าสำคัญ ที่ทำให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในหลายๆ ด้าน เช่น ความสัมพันธ์กับชุมชนอื่นและความเชื่อ ความศรัทธาของคนสมัยนั้น
วัดที่สาม..วัดใต้ หรือ “ วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ"
วัดสวยมากๆๆๆไม่น่าเชื่อในตัวเมืองจะมีวัดสวยงามแบบนี้(ส่วนมากวัดที่สวยๆจะอยู่นอกเมือง)
พระบางวัดใต้ มี 2 องค์ ประดิษฐานด้านซ้าย ขวาของพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปทองสำริด
พุทธลักษณะประทับยืน สูง ประมาณ 2 ศอก ยกพระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างเรียกว่า
“ ปางห้ามสมุทร ” หรือ “ ปางห้ามญาติ ”
วัดสวย กำลังปรับปรุงอยู่เลย สุดยอด!!!!
วัดที่สี่..... วัดสุปัฏนารามวรวิหาร
เป็นวัดธรรมยุติวัดแรกของจังหวัดอุบลราชธานี มีสถานะเป็นวัดอารามหลวงชั้นตรี
ลักษณะของพระอุโบสถแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ส่วนหลังคาเป็นศิลปะแบบไทย
ส่วนกลางเป็นศิลปะแบบตะวันตกฐานเป็นศิลปะแบบขอม
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ ประดิษฐานพระประธานของวัด
คือพระสัพพัญญูเจ้า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตักกว้าง 4 คืบ เป็นพระพุทธรูปหล่อขัดเงาไม่ปิดทอง
เริ่มการหล่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2459 เวลา 04.03 น.
แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2459 (ก่อนพ.ศ.2483 ประเทศไทย
ได้นับเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปี
และนับเดือนมีนาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี
วัดที่ห้า...วัดศรีอุบลรัตนาราม เดิมชื่อ วัดศรีทอง เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย
วัดนี้มีพระอุโบสถที่สร้างตามแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ พระแก้วบุษราคัม
......น่าเสียดายที่วัดนี้ กล้องดิจิม่อนเกิดอาการงอแง ไม่รู้เปงไร เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝาก
มีหลายอย่างอยากถ่ายมาให้ดู โดยเฉพาะที่นี่เค้ามีกล้องส่องทางไกล
เอาไว้ส่องดูความงดงามของ "พระแก้วบุษราคัม"
และอีกอย่างที่น่าตื่นตา ตื่นใจสำหรับช้านก็คือ "ตู้เซฟรับบริจาค" (ไฮโซจังเยย)
ปัจจุบัน ในเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี ชาวอุบลราชธานีจะร่วมใจกัน อัญเชิญพระแก้วบุษราคัม
เข้าขบวนแห่ไปรอบเมืองอุบลราชธานี เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน
ได้นมัสการกราบไหว้และสรงน้ำกันโดยถ้วนหน้า
(ขอบคุณรูปจากเวป guideubon.com)
วัดที่หก....วัดหนองป่าพง
วัดนี้ค่อนข้างจะมีความคุ้นเคย เพราะสมัยเด็กๆ เคยมารับ-ส่ง
คุณยายมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ แล้วจะชอบเก็บ"มะขามป้อม"
ที่หล่นตามพื้นดิน กลับไปกินบ้านด้วย (ไม่รู้ว่าบาปป่าว)
แต่ไม่กินที่ไหน ก็ไม่อร่อยเท่ากับกินที่นี่เลยนะ ขอบอก
ช้านได้ไปแค่ พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณ ที่เป็นอาคารที่จัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร
และหุ่นขี้ผึ้ง ของหลวงปู่ชาเท่านั้น
เพราะป้าแก่ที่ไปด้วยเค้าไม่ยอมเดินไปที่เจดีย์ศรีโพธิญาณ ช้านหน่ะอยากไปมั่กๆ
ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสาน ระหว่างสถาปัตยกรรมอีสานกับ ล้านช้าง
โดยศิษยานุศิษย์หลวงปู่ชา สุภัทโธ ได้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิหลวงปู่ชา
(ต้องขอขอบคุณอีกครั้งกับภาพสวยๆ จาก www.guideubon.com)
สวยป่าว นี่คือ"เจดีย์ศรีโพธิญาณ " อยากไปจังเยย เหมือนไปไม่ถึงไม่ได้ไปที่นี่.....
วัดที่เจ็ด.....วัดป่านานาชาติ
มาครั้งแรกค่ะ รถจอดเยอะมากๆๆๆเลย ได้เดินไกลมาก นี่มันเวลาเที่ยงเศษๆแล้ว
วัดนี้เป็นอีกสาขาของวัดหนองป่าพง มีชาวต่างประเทศบวชจำพรรษาจำนวนมาก
ไม่ลืมที่จะดูป้ายหน้าวัดที่บอกเวลาสนทธนาธรรมของเจ้าอาวาส
เราเดินสวนทางกับคณะใหญ่ น่าเสียดายจังมาไม่ทัน(ไม่เปงไรโอกาสหน้ายังมีอีก)
ชอบคำสอนมากๆๆๆที่ติดตามต้นไม้ ยังเปงภาษาอังกฤษเลยค่ะนับถือมั่กๆ
และนี่ภายในโบสถ์อีกหลัง สถาปัตยกรรมรูปทรงทันสมัย แถมภายในยังเย็นสบายอีกต่างหาก
วัดที่แปด..วัดหนองบัว....
อากาศร้อน(แต่ใจไม่ร้อนนะคะ)
วัดนี้ช้านก็มีความคุ้นเคยอีกเช่นกัน เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่บ้าน และตักบาตรกับพระวัดนี้
มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว และเคยมาถ่าย m.v. ด้วย ของน้าช้านเอง "ดอกรัก ดวงมาลา"
(พูดซะหรูนะ ไอ้ m.v.เพลงลูกทุ่งหน่ะ)
ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์
ซึงมีรูปร่างคล้ายๆ เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย
และนับเป็นวัดเดียวของภาคอีสานที่มีเจดีย์แบบนี้
วัดสุดท้ายแล้วค่ะ..วัดบ้านนาเมือง หรือวัดสระประสานสุข
วัดนี้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนตั้งแต่ ประตูทางเข้าที่มีรูปช้างปูนปั้น
ขนาดใหญ่อยู่หน้าวัด เอ้า..ลอดท้องช้างแล้วอธิษฐานเร็ว
เป็นวัดที่มีพระอุโบสถที่มีลักษณะแปลกตากว่าพระอุโบสถทั่วไป
เพราะวัดนี้สร้างเป็นรูปเรือสุพรณหงส์ ใช้เซรามิคตกแต่งพระอุโบสถ
ซึ่งเซรามิคนี้ทำจากโรงงานในจังหวัดอุบลฯ และนอกจากนี้ยังมีเจ้าอาวาส
คือ พระอาจารย์บุญมี เป็นที่เคารพเลื่อมใสของประชาชนทั่วไป (หลวงปู่มรณะภาพ เมื่อปี 2547)
นี่คือรูปปั้นของท่าน
แต่ที่อยาก Present ที่สุดก็คือ "สิมกลางน้ำ" อยู่ด้านหลังค่ะ
เชื่อว่าหลายๆคนก็คงยังไม่เคยไป ยังไม่ค่อยได้รับการโปรโมทเลย
แม้กระทั่งปป้ายบอกทางไป อุโบสถกลางน้ำ ยังเป็นป้ายกระดาษเล็กๆเอง
แถมทางเข้าก็สุดแสนจะแคบ และยังมีทางเข้า-ออก แค่ทางเดียวเอง
ทาง ททท. หรือ อบต.ไร่น้อย(พี่สาวช้านเอง) ช้วยบูรณะด้วยค่ะ
ซื้อหัวอาหาร ให้ปลาด้วยค่ะ ช่วงนี้คงไม่ค่อยมีคนเข้ามาเที่ยว
สังเกตได้จากปลาจะเดินตามเสียงเท้า
ถ้าเราหยุดตรงไหน ก็จะโผล่ขึ้นมาเหมือนรู้ว่าเราจะให้อาหาร
(ปลาเยอะมากกกกกกกกกกกก)
อ้อ! มีตะพาบน้ำหรือเต่าด้วยค่ะ
รูปนี้ถ่ายอีกวันถัดมา พาเพื่อนอีกกลุ่มมาเที่ยวค่ะ
เพิ่งจะสังเกตว่า ด้านหน้า(ตรงเศียรพญานาค) มีน้ำพ่นออกมาด้วย
ถ้าไม่สังเกตคงไม่รู้ แต่ไปรอบสองต้องสังเกตทุกซอกทุกมุม
แต่ในความคิดของช้าน ช้านว่านะ เปิดน้ำพ่นออกมา
ก็ไม่มีใครเห็นหรอก แล้วตรงด้านนั้นน้อยคนที่จะขับรถเข้าไป
เพราะทางค่อนข้างลำบากเหมือนกัน
บ่ายสามโมงพอดีเป๊ะๆ ช้านเดินเล่นอีกซักรอบ ก่อนที่จะออกเดินทางกัน
เพื่อที่จะไปหาร้านอาหารอร่อยๆทาน และที่สำคัญ ต้องเร็วด้วย เพราะหิวมากๆๆ
สังเกตจากพี่สาวช้าน รีบเดินเลย...ด่วน
อ้าว! เตรียมตัวลอดท้องช้างก่อนออกด้วยนะจ๊ะ
วันนี้ช้านแนะนำร้านเองเลย เพราะเปงเจ้าถิ่น เราไปกันเลยที่"ร้านบ้านต้นเทียน"
ในซอยชยางกูร 42 (อุบลมอเตอร์ไบค์) ถ้าใครเคยอ่าน livespace ของช้าน
ช่วงกลับบ้าน ปีใหม่ คงคุ้นหูกันบ้างแล้วกับร้านนี้ แต่ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน
ตามสัญญากันเลยค่ะ มาดูรูปถ่ายพร้อมกับเมนูน่าทานของร้านนี้กันเลย
ทางเข้า นี่คือเคาน์เตอร์ด้านหน้าร้านค่ะ มีต้นเทียนคงบ่งบอกถึงชื่อร้าน
(อันนี้เดาเอาเองเลย)
มาสั่งอาหารกันเลยดีกว่า
ที่สั่งไปคือ"หมี่กะทิ+ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน"
มีอีกหลายอย่างที่อร่อย อาทิ ข้าวหมูอบ
ขนมจีนน้ำยา ส้มตำทุกชนิด อาหารมีค่อนข้างจำกัด
คงเน้นที่ปรุงง่าย รวดเร็วมากกว่า
และแล้วก็อิ่มท้องกันทั่วหน้า จบทริป ...
ไหว้พระ 9 วัด ที่ จังหวัดอุบลราชธานี
(ใช้เวลาอัพบล๊อกนานถึง 4 วัน) แต่ก็ยังใช้เวลาน้อยกว่าไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่งที่ กทม.
(รู้สึกว่าตัวนั้นใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์จ้า)
แบ่งบุญกันไปได้เลยสำหรับใครที่เข้ามาอ่าน Space ของช้าน
แล้วเจอกันทริปหน้า ถ้าอยากรู้ว่ามีที่ไหนน่าเที่ยว น่าสนใจ
พร้อมเมนูอร่อยๆ ต้องขยันเข้ามาเปิดอ่านกันนะคะ
***ขอขอบคุณเป็นพิเศษ พี่สาวแสนสวย แอนนาอินเลิฟ
คนขับรถ เอ๊ย! ไกค์ผีของเราในวันนี้ด้วย
และก็ภาพถ่ายสวยๆ หลายๆ ภาพที่ต้องขออนุญาติกันตรงนี้เลย
จาก ww.guideubon.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น